พิจารณาขันธ์ ๕ แล้วจิตเศร้าหมอง
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม:- ผู้ถาม :- “หลวงพ่อคะ เวลาพิจารณาขันธ์ ๕ ว่าสกปรกรู้สึกว่าจิตมันเศร้า ๆ ค่ะ อย่างนี้เวลาตาย แล้วก็ตกนรกซิคะ…?”
หลวงพ่อ :- “สาธุ…เขาไม่ได้ให้ทำอย่างนั้น ให้เห็นว่าร่างกายสกปรก มันเป็นของไม่ดี ร่างกายนอกจากสกปรก มันก็ไม่เที่ยง ไม่ทรงตัว ในเมื่อไม่ทรงตัว มันก็มีอาการเป็นทุกข์ ถ้าเราเข้าไปยึดถือมันแล้ว ในที่สุดมันก็เป็นอนัตตามันสลายตัว เราห้ามปรามไม่ได้
เมื่อพิจารณาแบบนี้แล้ว ท่านให้พิจารณาต่อไป ขึ้นชื่อว่าร่างกายประเภทเลว ๆ อย่างนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก สิ่งที่เราต้องการก็คือพระนิพพาน
ถ้าใจมันเศร้า มันก็ไม่ควรจะเศร้า เพราะว่าเราเกิดมาเป็นทาสของตัณหา เราจึงมีร่างกายอย่างนี้ ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ยอมเป็นทาสของตัณหาอีก เขาใช้แบบนี้นะ ให้พิจารณาร่างกายว่าสกปรก พิจารณาร่างกายว่ามันเป็นทุกข์ มันจะเกิด นิพพิทาญาณ คือ ตัวเบื่อหน่ายร่างกายประเภทนี้ที่มันสกปรกด้วย มันไม่ทรงตัวด้วย มันเป็นทุกข์ด้วย แล้วก็พังในที่สุด
พร้อมกันนั้น ท่านให้ใช้ สังขารุเปกขาญาณ ควบคู่กันไป สังขารุเปกขาญาณคือวางเฉย เมื่อเกิดมาแล้วมีขันธ์ ๕ ก็ช่างมัน เรามีขันธ์ ๕ ได้ เพราะอำนาจของความโง่ ถ้าเราไม่โง่ เราก็ไม่มีขันธ์ ๕ ในเมื่อมันโง่มาแล้ว ก็ให้มันโง่ไป ต่อไปเราจะไม่ยอมโง่อีก
ขันธ์ ๕ มันมีอยู่ เราจะพยายามทำภารกิจตามความจำเป็นของขันธ์ ๕ ที่จะต้องทำนุบำรุงรักษา แต่ว่าถ้ามันพังเมื่อไร เราจะไม่มีขันธ์ ๕ แบบนี้อีก สิ่งที่เราต้องการก็คือนิพพาน อย่างนี้ไม่ตกนรกหรอก
ที่บอกว่าพิจารณาแบบนี้แล้วตกนรก ฉันก็เลย สาธุ แปลว่าดีใจด้วย เพราะหายากคนที่พิจารณาแบบนี้แล้วลงนรกน่ะ มีแต่เขาจะไปนิพพานกัน ก็ต้องถือว่าเป็นเอตทัคคะ หาคนอื่นเปรียบเทียบอีกไม่ได้แล้ว”
ผู้ถาม :- (หัวเราะ)
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๗๐-๗๑
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)