อานิสงส์บรรเลงดนตรีตามวัด
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
หลวงพ่อ :- “ทีนี้มาเรื่องของฉันบ้าง เวลาไปธุดงค์เมื่อก่อนฉันธุดงค์อย่างต่ำ ๖ เดือน อย่างดีก็ถึง ๘ เดือน คือไม่เดินแบบเขา เข้าป่าเลย ธุดงค์มี ๒ แบบ คือ แบบปกติ กับ แบบอุกฤษฏ์
ถ้าแบบปกติ เขาเดินไปก็ปักกลด ให้ชาวบ้านใส่บาตร
ถ้าแบบอุกฤษฏ์ ก็ต้องถือว่า ๓ วันต้นพ้นเขตคน แล้วก็มีความเป็นอยู่กับเทวดา กินข้าวกับเทวดา ถ้าเทวดาไม่ให้ก็ยอมอดตาย แต่ว่าประเภทนี้ก่อนจะออกไปได้ก็ฝึกกันหนักหน่อยนะ ต้องซ้อมจนกว่าเทวดาจะให้ข้าวกิน ทำแบบไหนเทวดาจะเอาข้าวให้กิน ทำแบบไหนเทวดาไม่ให้กิน ต้องจำไว้
แต่ว่าทุกวันมีดนตรีฟังทุกวันนะ ไม่ใช่แว่วนะ บรรเลงข้าง ๆ เลย เห็นถนัด ทีแรกไม่เห็นตัว หนักเข้า ๆ พอจิตเราสู้ได้เห็นตัวแดง เวลานั้นฉันก็รำคาญไม่ได้ รำคาญเมื่อใดเสือกินเมื่อนั้น แล้วฟังแต่เสียงดนตรีมันก็ไม่หนัก ถ้าจิตติดเสียงดนตรีมันก็เป็นกามฉันทะ และไอ้คนบรรเลงมันก็ไม่มีผู้ชาย มันเสือกมีแต่ผู้หญิง
แต่ผู้หญิงไม่สวยเขาก็ไม่มา แจ๋ว ๆ ไอ้แบบไหนที่เราชอบ ปรากฏแบบนั้น ไอ้ทรงที่เราเคยชอบสมัยก่อน มาแบบนั้นเลย แต่สวยกว่า พวกนี้พวกนางฟ้านางไขว่ ในที่สุดหนักเข้า ๆ อารมณ์ชิน จับเสียงดนตรีเป็นวิปัสสนาญาณ
พอกลับมาวัดก็ถามหลวงพ่อปานว่า “มันเป็นยังไงครับ…?”
หลวงพ่อปานบอกว่า “แกใช้อตีตังสญาณดูซิ ทำอะไรในชาติก่อน”
ปรากฏว่าชอบบรรเลงดนตรีตามวัด”
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๗๒-๗๓
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)