อานิสงส์ถวายอาหารรูปเหมือน (หลวงพ่อ)
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
ผู้ถาม :- “โดยปกติหนูต้องถวายอาหารรูปเหมือนหลวงพ่อเป็นประจำ บางครั้งต้องไปค้างที่อื่น จึงบอกกับรูปเหมือนหลวงพ่อว่า พรุ่งนี้ไม่อยู่นิมนต์หลวงพ่อไปฉันที่บ้านอื่นก่อนนะ ขอถามว่าที่หนูพูดอย่างนี้ จะผิดหรือเปล่าเจ้าคะ…?”
หลวงพ่อ :- ” มิน่าเล่าบางวันท้องกิ่ว…หิว ไม่ผิดนะ…ถูก ก็มีอะไรผิดบ้าง ก็พูดตัวเอง ได้ยินฟังรู้เรื่องก็ถูก”
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อได้ยินหรือเปล่าไม่รู้?”
หลวงพ่อ :- “อ้าว…ไอ้นั่นไม่ใช่ทานนะ มันเป็นการบูชา คำว่า “บูชา” เป็นการยอมรับนับถือ นึกไว้เป็นประจำ นี่ก็เป็นฌานด้วย นี่อย่างเลวที่สุดไปสวรรค์ชั้นสูง ไม่งั้นก็เป็นพรหมเลย
ถ้าบังเอิญคนที่ถวายประเภทนั้น เขาเกิดไม่นิยมร่างกาย เมื่อใกล้จะตาย พอป่วยแล้วเจ็บโน่น ปวดนี่ รำคาญขึ้นมา เอ๊ะ…นี่ร่างกายเลวๆ อย่างนี้ เราไม่ต้องการอีก ไปนิพพานทันทีเหมือนกัน นิพพานนี่ไปไม่ยาก ถ้าฉลาดนี่ไปไม่ยาก”
ผู้ถาม :- “แค่เบื่อร่างกายตัวเดียวหรือครับ…?”
หลวงพ่อ :- “ก็เขาตัดตัวเดียว คือ สักกายทิฏฐิ ไง”
ผู้ถาม :- “อ๋อ…ไม่ต้องไปไล่ตัวอื่นหรือครับ…?”
หลวงพ่อ :- “โอ้ย…ไปไล่นะซวย มันเหนื่อย การบรรลุมรรคผลนะ เขาไม่ได้ไล่ตามลำดับหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พระอริยเจ้านะมี ๔ อันดับ พระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ส่วนใหญ่จริงๆ ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าจบเดียวเป็นอรหันต์ทันที เห็นไหมล่ะ
ตามพระสูตรที่เรียนมานะ บางท่านก็ติดแหงแก๋แค่พระโสดาบัน อย่างพระอานนท์นี่ ล่อพระโสดาบันซะเกือบ ๔๐ ปี ปี้ดป๊าดทีเดียวไปเป็นปฏิสัมภิทาญาณเลย และเก่งมากด้วย ใช่ไหม…
ก็มีหลายท่านอยู่ ปุ๊บปั๊บเป็นอรหันต์กันเป็นแถวๆ อย่างลูกศิษย์ของพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ ฟังเทศน์จบเดียวเป็นอรหันต์หมด ใช่ไหม… ก็เยอะแยะไป ไม่จำเป็นต้องบรรลุตามลำดับ ชื่อของพระอริยะ ขั้นของพระอริยะมี ๔ ขั้นจริง แต่ไม่จำเป็นต้องบรรลุตามลำดับ
ชื่อของพระอริยะ ขั้นของพระอริยะมี ๔ ขั้นจริง แต่ไม่จำเป็นต้องบรรลุตามขั้นนี่ การปฏิบัติพระกรรมฐานของทุกคน ถ้าหวังตามขั้นก็โง่เต็มที่ นี่การปฏิบัติจริงเขาไม่หวังตามขั้นหรอก อันดับแรกสุด ถ้ากำลังเราไม่มั่นใจแน่นอน ต้องยึดอารมณ์พระโสดาบันก่อน ถ้าได้แล้วก็จับพระอรหันต์ทันที”
ผู้ถาม :- “อ๋อ…ตีข้ามกระโดดไปเลย”
หลวงพ่อ :- “ไม่กระโดด นั่งเฉยๆ ตามแบบจริง ๆ ท่านก็แนะนำแบบนั้น อย่างท่าน พุทธโฆษาจารย์ ที่รจนาวิสุทธิมรรค ท่านก็บอกไว้ตรงว่า “บุคคลใดถ้าถึงพระโสดาบันในที่นั่งใด ให้ทำจิตเข้าถึงอรหันต์ในที่นั่งนั้นทันที”
คือว่าไม่ยาก อรหันต์นี่ แค่ไม่ต้องการร่างกายเท่านั้นล่ะ ถ้าไม่ต้องการจริงๆ ก็เป็นอรหันต์ ตัดตัวเดียว คือ การตัดกิเลสจริง เขาตัดสักกายทิฏฐิ
ที่พระไปถามพระสารีบุตรว่า “ผมเป็นปุถุชน จะเป็นพระโสดาบันเป็นอย่างไร” ก็พิจารณาร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ใช่ไหม…
เป็นสกิทาคามีล่ะ ก็ไอ้ตัวนี้ถ้าละเอียดก็เป็นสกิทาคามี ถ้าผมจะเป็นอนาคามี ก็ปฏิบัติไอ้ตัวนี้จิตละเอียดลงไปอีก เบื่อหน่ายร่างกายก็เป็นอนาคามี ต้องการเป็นอรหันต์ ก็ไอ้ตัวนี้ ถ้าจิตวางเฉยได้ก็เป็นอรหันต์
พระองค์นั้นก็แน่เหมือนกัน ถามอีกว่า เป็นอรหันต์แล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม…พระขี้เกียจนี่
พระสารีบุตรบอก ไม่ใช่ คือ พระอรหันต์ทำเป็นปกติ เพื่อความเป็นอยู่เป็นสุข”
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๔๕-๔๗
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)