พระเวสสันดรบริจาคลูกเมียเป็นทาน
โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ผู้ถาม :- “หลวงพ่อเจ้าขา ลูกดูโทรทัศน์เรื่อง พระเวสสันดร ดูแล้วก็สงสารจับจิตจับใจ นึกถึงพระพุทธเจ้าว่าจะบำเพ็ญบารมีทั้งที ทำไมถึงทำให้ภรรยาเดือดร้อน ลูกชายเดือดร้อน ลูกสาวเดือดร้อน ทานบารมี ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราจะได้ผลสมบูรณ์แบบหรือเปล่าเจ้าคะ?”
หลวงพ่อ :- “ได้…สมมุติว่าคนอื่นเขาเก็บสตางค์ไว้แสนบาท เราก็ขโมยไปแสนบาท เราก็มีความสุข แต่เจ้าของสตางค์ก็เดือดร้อน ใช่ไหม…เรื่องนี้เป็นของ พระโพธิสัตว์ ถ้าหากว่าไม่ได้บริจาคลูกเมียให้เป็นทาน ไม่สามารถจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณได้ มีความจำเป็น
ความจริงเรื่องความเดือดร้อนเป็นกฎของกรรมเก่า แต่ความจริงเทวดาเขาช่วยอยู่แล้วนะ แต่เรื่องกฎของกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ อย่าง กัณหา และ ชาลี ท่านยกให้ ชูชก ใช่ไหม…ความจริงชูชกควรจะถนอมน้ำใจเด็ก กลับมัดมือแล้วก็เฆี่ยนตี มันเป็นกฎของกรรมเดิม อยากทราบไหมล่ะ…?”
ผู้ถาม :- “แหม…ดีครับ ยังไม่มีใครเล่าเลยครับ”
หลวงพ่อ :- “เจ้าของปัญหาต้องจ่ายมา ๑๐๐ บาท”
ผู้ถาม :- “อ๋อ…ยกครูหรือครับ…?”
หลวงพ่อ :- “ไม่ใช่ยกครู ใส่ย่ามครู ยกครูไม่ไหว ดีไม่ดีครูคอหักตาย…
คือกรรมเก่า สมัยหนึ่งทั้งกัณหาและชาลี (เวลานี้ท่านไปนิพพานหมดแล้วนะ) ทั้งสองท่านเคยเกิดเป็นลูกชาวนา แล้วก็คุณเตี่ยชูชกเป็นควายแก่ ทีนี้พ่อแม่ตกกล้าไว้ เจ้าควายแก่ก็ย่องมากินเสมอ พ่อแม่ก็ยกหน้าที่ให้ลูกเล็กทั้งสองคอยไล่ควาย ไล่ไปเผลอๆ ก็มาใหม่ พ่อแม่ก็ดุหลายครั้งเข้า ก็นัดกันว่า ถ้าพรุ่งนี้ควายมากินข้าวกล้าใหม่ จะเอาไปจับผูกกับต้นไม้ไว้แล้วก็เฆี่ยนตี ก็ทำตามนั้นจริงๆ ตีจนเป็นที่ชอบใจแล้วก็ปล่อยไป ไอ้กรรมอันนี้แหละ…ที่เข้ามาสนอง
แต่ว่านั่นเป็นกรรมของกัณหาและชาลีท่านนะ ไม่ใช่พระเวสสันดร แต่ว่าอาศัยที่พระเวสสันดรซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นปัจจัยให้เทวดาต้องเข้ามาประคับประคองเด็กทั้งสอง ตอนชูชกหนีขึ้นไปนอนบนยอดไม้ก็ปล่อยเด็กทั้งสองไว้ข้างล่าง เทวดาก็แปลงกายเป็นพระเวสสันดรและพระนางมัทรีเข้ามาประคับประคอง
และหลังจากนั้นเทวดาก็นำเข้าไปหาพระเจ้าปู่ ดลใจทำให้ชูชกหลงป่า ส่วนพระนางมัทรีท่านก็ยกให้พราหมณ์ คือ อินทรพราหมณ์ รู้จักไหม…?”
ผู้ถาม :- “ไม่รู้จักครับ”
หลวงพ่อ :- “อินทรพราหมณ์ พราหมณ์ชื่อ พระอินทร์ พระอินทร์ท่านแปลงมา ท่านพิจารณาเห็นว่า พระนางมัทรีไม่คู่ควรกับคนอื่น เพราะว่าอาศัยเป็นคู่บารมีของพระเวสสันดรมานาน จึงแปลงเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี เมื่อพระเวสสันดรยกให้ ท่านก็แสดงตัวเป็นพระอินทร์ แล้วบอกว่า เวลานี้พระนางมัทรีเป็นของท่านแล้ว ขอฝากไว้ก่อน ถ้าจะยกให้ใครก็ต้องขออนุญาตท่านก่อน ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร”
ผู้ถาม :- ก็ตกลงว่าเรื่องนี้จะไปโทษว่า สร้างบารมีให้คนอื่นเดือดร้อนไม่ได้ เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของเขา”
หลวงพ่อ :- “ใช่…ที่พระนางมัทรีต้องสลบ ก็เพราะอาศัยตีพระเวสสันดรในสมัยที่เป็น นกกระจาบ”
ผู้ถาม :- “โอ้โฮ…เคยตีกันมาก่อนหรือนี่!”
หลวงพ่อ :- “ใช่…เคยตุ้บตั้บกันมาก่อนเหมือนกัน”
ผู้ถาม :- “แหม…เห็นแจ๋วๆ อย่างนี้ ก็มีเหมือนกันนะ”
หลวงพ่อ :- “มี…สมัยก่อน”
ผู้ถาม :- “ฉะนั้น ลูกหลานที่ตุ้บตั้บกันสมัยนี้ ก็เพราะตามรอยยุคลบาทนะ”
หลวงพ่อ :- “ดีนะ…รักษาคุณความดีของบิดามารดาไว้ เป็นลูกตัญญูรู้คุณปฏิบัติตามท่านได้”
ผู้ถาม :- “บางรายกตัญญูแรงหน่อย เล่นเอาไม้ตีพริกตีหัวแบะเลย”
หลวงพ่อ :- “นั่นน่ะดี หัวน่ะ…มันรับน้ำหนักทุกอย่าง แดดมาก็ร้อน น้ำค้างตกก็รดหัวก่อน ไม่เคยกินกับข้าวเลย วันนั้นได้กินกับข้าว ต้นกับข้าวเลยนะ”
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๗ หน้า ๘๗-๙๐
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)